7 พฤติกรรมของแมวที่คุณควรรู้ก่อนรับเลี้ยง

7 พฤติกรรมของแมวที่คุณควรรู้ก่อนรับเลี้ยง

หลายคนอาจตัดสินใจรับแมวมาเลี้ยงเพราะความน่ารักหรือเพียงแค่ต้องการเพื่อนคลายเหงา แต่การรับเลี้ยงแมวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากคุณยังไม่รู้จักพฤติกรรมพื้นฐานของแมว การเข้าใจ พฤติกรรมของแมว เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การปรับตัวของคุณและแมวเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเข้าใจผิด และสามารถดูแลได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของใหม่เข้าใจสัญญาณต่างๆ ที่แมวต้องการจะสื่อสาร การศึกษาล่วงหน้าก่อนรับเลี้ยงแมวจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นเป็นทาสแมวที่ดี และเราก็พร้อมช่วยแนะนำคุณตลอดเส้นทางแห่งการเลี้ยงแมว

1. แมวชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ได้ติดคนตลอดเวลา

หนึ่งในพฤติกรรมของแมวที่มักทำให้เจ้าของใหม่รู้สึกสับสนคือ ความรักอิสระของแมว พวกเขาอาจไม่มาอ้อนตลอดเวลาเหมือนสุนัข หรือบางครั้งก็หลบไปอยู่ในมุมของตัวเอง ไม่ใช่เพราะไม่รักคุณ แต่เพราะธรรมชาติของแมวคือสัตว์ที่รักความเป็นส่วนตัว การรู้จักจังหวะในการเข้าใกล้และปล่อยให้แมวมีพื้นที่ของตัวเองจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแมวแน่นแฟ้นขึ้น

  • แมวไม่ชอบเสียงดังหรือการรบกวนบ่อยๆ
  • มักจะหามุมเงียบๆ เพื่อพักผ่อน
  • อาจแสดงอาการหนีหรือเมินหากยังไม่ไว้ใจ

แมวมีพื้นที่ส่วนตัวคือความสุข

การให้แมวมีพื้นที่พักผ่อนอย่างสงบถือเป็นการเคารพธรรมชาติของเขา ซึ่งจะส่งผลให้แมวเปิดใจให้กับคุณได้เร็วขึ้น

สังเกตอารมณ์แมวจากท่าทาง

ท่าทางเช่น หางตั้ง หูกระดิก หรือการเลียตัว เป็นสัญญาณว่าแมวกำลังรู้สึกปลอดภัย

2. การข่วนเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องธรรมชาติของแมว

หลายคนอาจตกใจเมื่อแมวเริ่มข่วนโซฟาหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่นั่นเป็นพฤติกรรมปกติที่ใช้ในการลับเล็บและทิ้งรอยกลิ่นไว้เพื่อประกาศอาณาเขต การจัดเตรียมเสาลับเล็บหรือพื้นที่สำหรับให้ข่วนอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสียหายในบ้านและทำให้แมวมีสุขภาพเล็บที่ดี

  1. เตรียมเสาลับเล็บไว้ในมุมโปรดของแมว
  2. เลือกวัสดุที่แมวชอบ เช่น เชือกปอ หรือไม้
  3. ให้รางวัลเมื่อแมวใช้ของที่จัดไว้

ลับเล็บ = พฤติกรรมธรรมชาติ ไม่ใช่ความดื้อ

การลับเล็บของแมวไม่ได้หมายถึงการทำลาย แต่เป็นการดูแลตนเองและแสดงตัวตนในพื้นที่ของเขา

สอนแมวให้ใช้เสาลับเล็บแทนเฟอร์นิเจอร์

ใช้กลิ่นหรือรางวัลเพื่อกระตุ้นให้แมวลับเล็บในจุดที่คุณจัดไว้

3. แมวมักจะนอนมากกว่าที่คุณคิด

แมวเป็นสัตว์ที่ใช้เวลานอนประมาณ 12–16 ชั่วโมงต่อวัน บางตัวอาจนอนได้ถึง 20 ชั่วโมง โดยเฉพาะลูกแมวหรือตัวที่อายุมากขึ้น นี่ไม่ใช่พฤติกรรมผิดปกติแต่เป็นธรรมชาติของแมวที่เป็นนักล่าโดยสัญชาตญาณ การมีเวลานอนมากช่วยให้แมวมีพลังงานพร้อมสำหรับกิจกรรมในช่วงกลางคืน

  • จัดมุมนอนที่เงียบและปลอดภัย
  • ใช้เบาะนุ่มหรือผ้าห่มที่มีกลิ่นคุ้นเคย
  • หากแมวนอนมากเกินไปและไม่เล่นเลย ควรปรึกษาสัตวแพทย์

การนอนคือช่วงเวลาฟื้นพลังของแมว

อย่าตกใจหากแมวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน เพราะนั่นคือการพักฟื้นร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

แมวนอนกลางวัน ตื่นเล่นกลางคืน

แมวเป็นสัตว์หากินกลางคืนโดยธรรมชาติ การเล่นกับแมวในช่วงกลางวันจะช่วยปรับพฤติกรรมให้อยู่ในจังหวะเดียวกับเจ้าของได้

4. เสียงร้องและท่าทางคือภาษาที่แมวใช้สื่อสาร

แมวไม่ได้ร้องแค่เวลาหิว แต่เสียงร้องแต่ละแบบบอกความรู้สึกที่ต่างกัน เช่น ร้องเบาๆ อาจหมายถึงการเรียกร้องความสนใจ ส่วนการส่งเสียงครางหรือ “purr” คือสัญญาณของความพอใจ การสังเกตท่าทางและเสียงของแมวจะช่วยให้คุณเข้าใจพวกเขาได้ลึกขึ้น

  1. เสียง purr = พอใจหรือผ่อนคลาย
  2. เสียงร้องยาวๆ = ต้องการบางสิ่งเช่นอาหาร
  3. เสียงขู่หรือฟ่อ = กำลังตกใจหรือรู้สึกถูกคุกคาม

เข้าใจแมวจากการสังเกตเสียงและสายตา

การสื่อสารของแมวไม่เหมือนมนุษย์ แต่สื่อผ่านเสียง ท่าทาง และการแสดงออกทางร่างกาย

ฟังแมวแล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น

การตอบสนองต่อเสียงร้องหรือท่าทางของแมวอย่างเข้าใจจะช่วยสร้างความไว้วางใจในระยะยาว

Scroll to Top